Archive for the 'mitthai artshop' Category

106 :) ปายกับชีวิตง่ายเรียบ แรงบันดาลใจจากหนังสือ “ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว”

ได้แนะนำให้รู้จักกับพี่ปรายพันแสงแล้ว
ก็ถึงคราวที่จะแนะนำผลงานของเธอชิ้นหนึ่ง โดยเธอเป็น บรรณาธิการ ออกหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คที่ไม่เล็กนะ ชื่อเรื่อง โปสการ์ด ชา กาแฟ ปาย
เนื้อหาเป็นบทสัมภาษณ์มุมความติดของคนที่ใช้ชีวิตในเมืองปาย
อ่ะ แน่นอน เราทั้งสองคนติดร่างแหไปกะเขาด้วย
เมืองปายมันเล็ก ทำอะไรนิดหน่อย คนก็ฮือฮา
เคยคิดว่า ถ้าไปเปิดร้านแบบร้านมิตรไทยที่กรุงเทพ คงเป็นแค่ร้านเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ ไม่มีใครสนใจหรอก

สิ่งที่เราทั้งสองทำ ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไร ใคร ๆ ก็ทำได้ ขอแค่ลงมือ
มันน่าสนใจตรง อะไรทำให้เราทั้งสองคิดไม่เหมือนคนอื่น
อยู่ต่างจังหวัด ทำยังไง หลายคนก็งง ไม่กล้า ก้าวเท้าออกจากกรุงเทพ ไม่มีเงิน กลัวแม่ด่า กลัวผี กลัวการอยู่คนเดียว ทำอะไรก็ไม่เป็น มันต้องเริ่มจากการไม่กลัว สนุกจะตายได้ทำอะไรเองบ้าง ทำกับข้าวเอง ไปเดินตลาด ปลูกต้นไม้ มีบ้านเช่าเป็นของตัวเอง แต่งบ้าน วางแผนชีวิตแต่วัน แต่ละวีค เดี๋ยวอนาคตมันมาเอง บางคนถาม แล้วจะไปทำอะไรกิน อันนี้ถ้าตัวเองยังไม่รู้ว่ามีความสามารถอะไรบ้าง ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ชาวบ้านบางคน เค้าจบแค่ ป. 4 เค้ายังทำมาหากิน อยู่กันได้
ไม่มีอะไรน่ากลัว แค่ทำตามที่หัวใจบอก อยากทำอะไรก็ทำเถิด ไม่รู้ว่าเราจะตายวันไหน

เราคัดลอกบางช่วงของบทสัมภาษณ์มาให้ชิม แล้วที่เหลือ คุณ ๆ ก็ไปลองหาอ่านกันดูนะ
Photobucket
Photobucket
Photobucket
Photobucket
Photobucket
Photobucket
Photobucket
Photobucket

ถาม : เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด แต่ไม่ชอบสภาพสังคมในกรุงเทพฯ
ตอบ: ผมไม่ชอบวงจรที่ว่าตื่นมาอยู่ลาดพร้าว ไปทำงานสีลม ขึ้นรถสองต่อ แล้วรถติดอยู่สองชั่วโมง แต่ชอบการออกแบบนะ ชอบศิลปะ ชอบที่กรุงเทพฯ มีหอศิลป์ มีร้านหนังสือ มีแกลเลอรี่ มีห้องสมุด คือมันมีข้อดี แต่ผมไม่ชอบการเดินทางแบบนั้น ไปสองชั่วโมง กลับสองชั่วโมง

ถาม : จุดเริ่มต้นของการมาอยู่ปายนั้นมาจากหนังสือ “ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว”
ตอบ : หนังสือคือตัวจุดประกาย มันจุดประกายผมมาก ทำให้รู้สึกว่า เฮ้ย! โลกนี้มีเรื่องง่าย ๆ แค่นี้เอง แล้วเรามามัวทำอะไรให้มันยุ่งยากอยู่วะ คือผมอ่านหนังสือของฟูกูโอกะแล้ว ไม่ได้เชื่อว่าจะต้องทำการเกษตรนะ แต่การเกษตรเป็นสิ่งที่เขาทำแล้วเขาพบบางอย่าง จริง ๆ แล้วสิ่งที่ฟูกูโอกะคิดคือการตรัสรู้นะ เหมือนเขาพบแล้วว่าเขาคิดอะไรได้ ผมอาจจะแค่เข้าใจขั้นต้นๆ ของเขา ว่าคนเรามันใช้ชีิวตยุ่งยากไปหรือเปล่าวะ

ถาม : เหมือนกับว่าวิถึชีวิตแบบที่เราเชื่อกัน มันคือการเดินอ้อมไปไกลจากที่เป็นจริง
ตอบ : ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างที่อ่านนี่มันเป็นหนังสือของติช นัท ฮันห์ หรือฟูกูโอกะ มันจะปน ๆ กัน คุณจะกินข้าวจานหนึ่ง แทนที่คุณจะเด็ดผักจากตรงนั้นตรงนี้มา แล้วก็ผัดหรือหุงข้าว เสร็จแล้วคุณก็กินข้าวใช่ไหม แต่คุณต้องเดินอ้อมไปเรียนหนีงสือ เรียนอนุบาล เรียนมัธยม เรียนมหาวิทยาลัยเรียนปริญญาโท ไปทำงานแล้วก็ซื้อข้าวมากิน นี่คือการเดินอ้อมไง

ถาม : แต่เราก็ชินกับวงจรหรือวิถีชีวตแบบนี้
ตอบ : ใช่ นั่นคือความยากในชีวิตที่ผมรู้สีก แล้วฟูกูโอกะคือคนที่บอกว่า เฮ้ย! ชีวิตมันง่ายกว่านั้น แต่คุณต้องไปตีความเองว่าง่านกว่านั้นที่คุณจะทำคืออะไร ผมว่ามันเป็นปรัชญาอันหนึ่งที่ตีความได้ไม่เหมือนกัน ผมจับได้แค่ว่าอย่าไปทำชีวิตให้มันยากมาก เหมือนการทำงาน งาน งาน งาน เพื่อเอาเงินเดือนไปซื้อข้าว คือมึงก็เอาข้าวมาหุงเลยสิวะ

ถาม : เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าอยู่ปายมีกฏอยู่สองข้อคือ ไม่กลัวและไม่โลภ ทุกวันนี้กฏนั้นเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหม
ตอบ : จริง ๆ มีสามข้อนะ เพราะอันนี้เราเขียนเอง คือไม่กลัว ไม่โลภ แล้วก็ไม่โง่ด้วย ตอนนั้นเขียนเพื่ออธิบายอะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่กฎเกณฑ์มหัศจรรย์อะไร ซึ่งผมคิดว่าทุกวันนี้ก็ยังใช้กฏนี้นะ ไม่กลัว คืออย่าไปกลัวที่จะต้องเปลี่ยนชีวิต เมื่อก่อนมาอยู่ปยมันเหมือนกับว่าคุณจะต้องเปลี่ยนไง มันต้องหักมุมเลยละ ไม่โลภ ก็คือไม่ต้องเอามาก เดี๋ยวมันได้เอง แต่อย่าไปตั้งเป้าว่ากูพิมพ์โปสการ์ดนี่ จะต้องขายให้ได้ภายในเดือนนี้ อะไรแบบนั้น ไม่โง่ คือ พยายามคิดทุกวัน คิดให้เป็นนิสัย อย่าไปคิดแค่ว่ากูจะรวยเมื่อไหร่

ถาม : สำหรับคที่จะมาอยู่ปายในปัจจุบันนี้ จำเป็นจะต้องมีกฏเกณฑ์อะไรเพิ่มเติมไหมครับ
ตอบ : คือจริง ๆ กฏนี้ผมก็ไม่ได้คิดเอาไว้เผื่อใครหรอกนะ เหมือนเราเตือนตัวเองมากกว่า ถ้าเป็นตอนนี้ผมมองว่า สมมุติคุณเพิ่งรู้จักปานในปีนี้หรือสักสองปีที่ผ่านมานี้ มันเป็นช่วงสูงสุดของมันน่ะ  ถ้าเป็นกราฟเนี่ย มันเดินมาถึงยอดเขาแล้ว ถึงร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังเดินลง ถ้าคนขายนาน ๆ จะรู้ว่ามันเดินลง คืออาจจะไม่ได้ลงไปจนถึงต่ำสุด อาจจะเจ็ดสิบหรือไม่ก็หกสิบแล้วเสถียรเป็นเส้นตรง สำหรับคนที่เพิ่งมาอยู่ปีสองปีนี้ ที่เห็นปายในสภาพจุดร้อย ถึงตอนนั้นจะไหวหรือเปล่า แต่เราเคยอยู่มาตั้งแต่จดต่ำสุด อยู่ที่ศูนย์ ใช้วันละ 70 บาท ก็เคยอยู่มาแล้ว ไม่มีรายได้เลย เราก็อยู่มาแล้ว เพราะฉะนั้นเราเหมือนมีวัคซีน เราอยู่ได้หมด

ถาม : ในฐานะร้านแรก ๆ ที่ขายสินค้าเกี่ยวกับปาย มองปรากฏการณ์ที่ถนนคนเดินเต็มไปด้วยร้นเสื้อยืด ร้านขายโปสการ์ดอย่างไรบ้าง
ตอบ : ผมรู้สึกว่าปัญหาของถนนคนเดินคือ เริ่มต้นเลยนะ ปายมันไม่มีอะไร ไม่มีโปสการ์ดสักใบ ไม่มีเสื้อสักตัวเลย แต่พอมีร้านมาทำ หนึ่ง สอง สาม สี่ จนถึงปัจจุบัน กลายเป็นว่าทุกคนคิดว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ คุณต้องไปหาอะไรที่ไม่มีสิ ถ้าคุณหาสิ่งที่ไม่มีได้ คุณก็จะเป็นคนแรกที่ได้ทำมัน ปัญหาคือคนเราชอบเดินบนทางเส้นเดียวกันมากเกินไป สมมุตินะ อย่างคำว่า i (love เป็นรูปหัวใจสีแดง) pai มันก็น่ารักนะ คือมันมาจาก i (love เป็นรูปหัวใจสีแดง) NY แต่ถ้าเดินไปสามเมตรมีแต่ i (love เป็นรูปหัวใจสีแดง) pai หมด มันก็จะอ้วกไง อันนี้แหละคือปัญหา แทนที่คุณจะไปหาคำอีกคำที่ไม่ใช่ i (love เป็นรูปหัวใจสีแดง) pai แล้วต่างคนต่างสร้างคำขึ้นมา หรือเสื้ออาจจะพัฒนาไปเป็นหมวก ไปเป็นผ้าพันคอ ไปเป็นถุงเท้า อะไรอีกก็ได้ แต่เราไม่ยอมคิดกันแบบนี้ เราไม่ยอมเสี่ยง อย่างตอนผมทำโปสต์การ์ดครั้งแรกนี่ ผมเสี่ยงนะเว้ย ผมพิมพ์สี่พันใบ นี่มันจะขายหมดหรือวะ แต่ถ้าทุกตารางเมตรมันขายโปสต์การ์ดกันหมดก็น่าเบื่อไง อันนี้คือ คนไทยขาด มันอยู่ในกฏที่ว่าไม่โง่นี่แหละ ถ้าคุณคิดไปอีกมันก็จะเจออีกนะ แต่คุณก็เดิน ๆ ไปเหมือนอย่างที่เขาเดิน วันหนึ่งก็ล่มกันหมด

ถาม : ไม่ได้คิดว่าปายจะเปลี่ยนแล้วต้องย้ายหนี
ตอบ : ไม่ได้คิดเลย มันจะเปลี่ยนยังไงก็เปลี่ยนไปนะ ผมว่าทุกที่บนโลก ยิ่งเป็นที่ที่มีคนสนใจ มันยากมากที่จะไม่เปลี่ยน เคยมีคนพูดกับผมว่าปายเปลี่ยนไปเยอะเลยว่ะ รับไม่ได้ ผมก็เลยบอกว่าเวลานั่งรถเมล์มาปาย มึงก็กระโดดลงแถวแม่แตง ป่าแป๋ อะไรแบบนั้นสิ ตรงนั้นน่ะไม่ค่อยเปลี่ยน แล้วทำไมมึงไม่ลงไปตรงนั้นกันวะ ลงไปแล้วก็นอนโฮมสเตย์ ขอชาวบ้านพักก็ได้ มึงมาถึงนี่แล้วจะบ่นทำไม คุณมาถึงนี่ก็เพราะคุณดูสื่อมา คุณอ่านมา คุณดูมิวสิกวีดีโอมา มีคนดูพร้อมกันกี่ล้านคนว่ะ มาแค่แสนคนก็เต็มจนล้นแล้ว

เอาแค่พอหนวดงอก ไปหาอ่านเอาเพิ่มเติมเอง เจ้มจ้นแน่นอน ไม่เชื่อให้ดึงหนวดเลย แฮ่… เราไม่มีหนวด เราเป็นผู้ยิ๋งน่ะ

105 : ) freeform in pai now

เมืองปายเมืองเล็ก ๆ ที่นับวันก็ยิ่งเล็กลง เอ…หรือว่าไม่ใช่ ฉันชักไม่แน่ใจ ฉันว่าน่าจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพราะเมืองมันเร่ิมขยายออกไป แต่ก่อนเดินในเมือง ให้ 1 ชั่วโมงก็เดินครบทุกซอย ดูครบทุกร้าน บางทีต้องเดินมาซ้ำร้านเดิมเพราะร้านมันมีแค่นี้ กินอยู่นั่นแหละ ร้านนี้กินมา 3 มื้อแล้ว โปสการ์ดก็ซื้อมันแต่ร้านนี้ ก็มันมีร้านอยู่แค่นี้ แต่มาตอนนี้อาจต้องใช้วเวลาหลายวันหน่อย เพราะในเมืองตอนนี้ เต็มไปด้วยร้านที่น่าสนใจมากกว่าแต่ก่อนมาก เวลาแค่ 3 มื้อ หรือ 1 คืนอาจไม่พอ ถ้าจะเดินสำรวจกันก่อนแล้วค่อยซื้อ อย่างนั้นน่าจะเที่ยวปายอย่างน้อย 2 คืน ยิ่งมาตอนหน้าหนาว จะเลือกเสื้อซักตัว มีให้เลือกประมาณแผงเว้นแผง บางทีมันก็ขายติดๆ กันไปเลย เห็น ๆ กันไปเลย ว่า ร้านไหนขายได้ ร้านไหนไม่ได้ขาย

เห็นเป็นเมืองเล็ก ๆ อย่างปาย แต่ก็มีเสน่ห์ยังกะรุ่นใหญ่ ไม่ยอมแก่ตายง่าย ๆ เพราะยังมีนักคิด นักเขียน นักดนตรี ศิลปิน หรืออิสระชนที่ต้องการค้นหาบางอย่างจากการเดินทาง เพื่อพบปะพูดคุยกับเพื่อนเดินทางร่วมโลก มันต้องยังมีคนที่ชอบเดินทางทั่วโลกอยู่อีกแหละ ความรู้สึกที่อยากท่องโลก ไม่ต้องทำงาน ได้ใช้ชีวิตที่ กิน ดื่ม เที่ยว แบบไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องการทำมาหากิน เจอหนุ่ม จีบหนุ่ม เจอสาว แหล่สาว เจอนักคิด เจออาร์ติสจิตแตก เจอแดนซ์เซ่อร์ท่าแปลก ๆ เจอคนตลก ๆ มันดี ไอ้ความรู้สึกที่อยากเดินทางมันเป็นความรู้สึกที่พิเศษ มีพลัง มีมนต์ขลัง ดูน่าอิจฉา ดูตื่นเต้น ดูน่าจะเอามาเป็นพพล็อตเขียนบทหนังให้หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่อยากหาประสบการณ์ชีวิต อยากรู้ว่า ชีวิตคืออะไร อยากหาคำตอบว่า รักคืออะไรด้วย คิดถึงเรื่อง before sunrise ล่ะสิ อืม…

ถามว่าฉันเคยรู้สึกแบบนี้ไม๊… เคยสิ เมื่อ 15 ปีก่อน ฉันฝันว่า ฉันจะต้องเดินทางเป็นเดือน ๆ ให้ได้ ฉันอยากเดินทางไปทั่วประเทศไทย อ้อทั่วโลก มันไม่ไหว ไม่มีเงิน และก็ทำพาสปอร์ตยังไม่เป็นเลย เอาทั่วเมืองไทยให้ได้ก่อนเถอะ อยากเดินทางไปทีละจังหวัด ฝึกถ่ายรูป วาดรูป เขียนประสบการณ์ที่ผ่านชีวิตของฉันไปทุก ๆ วัน จดความคิดเห็นทุก ๆ ความเห็นที่น่าสนใจ จดคำพูดของนักเดินทาง จดสิ่งที่ได้เห็น ได้ฟังจากชาวบ้านที่เราไปเยือน ค่ำไหนนอนนั่น ขอเขากางเต๊นท์ ขอแค่เข้าห้องน้ำหน่อย ถ้าเหนื่อยมากก็ขอนอนบ้านโน้นที บ้านนี้ที เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เรายังรู้สึกว่า ชาวบ้านจะอบอุ่นและมีน้ำใจมาก ๆ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน

ทำเป็นพูดไปอย่างนั้น แต่ภาพในหัวจริง ๆ คือ เห็นตัวเองนอนอยู่ริมทะเล นั่งวาดรูป นอนอ่านหนังสือ เขียนบทความ เขียนบทหนัง เขียนไดอะรี่ หิวก็เข้าไปสั่งอาหาร ถ้าเงินหมดก็จะขอเขาล้างจาน เป็นเด็กเสริฟ แอบหวังเล็ก ว่า จะมีคนมาสนใจ มาจีบเราบ้าง พูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องการใช้ชีวิต คุยเรื่องความฝันกันทั้งคืน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร พร้อมกับกองขวดเบียร์เป็นโหล ๆ อยู่ข้างหน้า แต่หน้ากว่านั้นคือมีคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งตลอดเวลา ลมเย็น ๆ พัดเอื่อย ๆ ไม่เอายุง และแมลงใด ๆ เข้ามาเกี่ยว ขอร้อง ขอชิว ๆ อย่ากวนสิ นี่แค่ในฝันน่ะ

ที่เขียนมาทั้งหมดนี่ เพียงแค่อยากจะรายงานว่า เมืองปายเมืองเล็กแห่งนี้ ถึงแม้จะมีคนห่วงใยมากมายว่า มันเน่าแล้ว มันเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็มีนักเขียน นักคอลัมนิสต์ที่มีชื่อ มาเปิดร้านหนังสือชื่อฟรีฟอร์ม เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ free from เอง อ่านเรื่องราวของเธอได้ ใน http://prypansang.blogspot.com/ เธอชื่อ ปรายพันแสง ค่ะ เขียนประจำอยู่ มติชนรายสับดาห์ เธอเป็นนักกิจกรรม คิดว่าในปีนี้ เธอคงจะมีกิจกรรมดี ๆ มากมายที่คิดจะทำในปาย น่าจะทำให้เมืองปายมีสีสัน เพิ่มเรื่องของศิลปทางวรรณกรรมให้ดูคึกคักขึ้น ติดตามงานของเธอได้ที่เวปไซด์ของเธอ

ในปีนี้ เธอได้ออกหนังสือ โปสการ์ด ชา กาแฟ ปาย บันทึกมุมคิดคนที่ใช้ชีวิตในเมืองปายนานปีหลายคน ต้องขอขอบคุณที่พี่ปรายให้เกียริตคนอย่างเราได้พูดคุยลงในเล่มนี้ด้วย แล้วจะมารายงานเนื้อหาอีกทีในบล็อคหน้าเร็ว ๆ นี้

เป็นโชคดีของคนปายที่เป็นนักอ่าน มีโอกาสหาหนังสือดี ๆ มาให้ซื้อหาอ่านถึงที่ไม่ต้องถ่อไปถึงเชียงใหม่นู่น ยังไงเมืองปายของเราก็ยังน่าสนใจอยู่ดี ถึงแม้จะมีคนชอบให้ข่าวโจมตีมันอยู่เรื่อย และฉันก็ยังคงรักเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ตลอดไป

101 : ) ตุ๊กตาหน้าเด็ก

อยากทำตุ๊กตาแบบหน้าตาประหลาด บ้างน่ะ
ประมาณนี้น่ารักดี
อยากเป็นแบบนี้มานานแล้ว
มีเวลานั่งเย็บผ้าจาก เศษผ้าที่เราเก็บไว้
ดูแล้วก็ชื่นใจดี

เวลาเย็บก็คิดถึง ตอนเด็ก ที่ต้องเรียน วิชา เย็บ ถัก ปัก ร้อย

วิชาพื้น ๆ เบสิก เย็บง่าย ๆ ใช้มือเย็บ เย็บทีละสองมิล มันก็เสร็จเองน่ะแหละ

ขอแค่ลงมือ

gummydoll

gummydoll

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

gummy doll 035

gummy doll 036

gummy doll 037

gummy doll 038

น้อง ๆ ที่่ช่วยกันเย็บก็รู้สึกสนุกดี ช่วยกันออกแบบหน้าตากันใหญ่

100:) ตุ๊กตาของฉันเอง

จากกระเป๋าธรรมดา พอมีเจ้าจุ๊บไปห้อยโตงเตง มันจะดูดีขึ้น
ลองดูเดะ
Photobucket
Photobucket
Photobucket
Photobucket

99:) ตุ๊กตา หมา ๆ มึน ๆ ต่อ

ตอนถ่ายรูปตุ๊กตาหมา ก็มีลูกค้าสองคนกำลังเขียนโปสการ์ดอยู่

เราก็ถ่ายรูปที่โต๊ะเขียนโปสการ์ดนั่นแหละ

ถูกแซว ว่า หากินง่ายดีจัง

มันดูเหมือนง่ายนะ แต่มันเกิดจากการคิดในหัวหมดแล้ว

ว่าจะเย็บแบบนี้ จะใส่ห่อแบบนี้ ก่อนใส่ห่อ อยากเอามาถ่ายรูปลงเวปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ถ่ายที่โต๊ะโปสการ์ด ให้มีล่องลอยของการปั๊มตราแสตมป์ของที่ร้านมิตรไทย เพราะในตัวของนังจุ๊บ จะมีปะลายแสตมป์ต่าง ๆ ของที่ร้านไว้ด้วย ทำให้ดูน่ามองมากขึ้น

เวลาเย็บแล้วรู้สึกว่า แต่ละตัวมันน่ารักมาก เหมือนเป็นหมาจริง ๆ เป็นนังจุ๊บตัวแสบ ชองขางของ

มันก็เลยอยากเก็บรูปทุกตัวเอาไว้ เวลามีคนเอามันไปเลี้ยงก็รู้สึกคิดถึงมันเหมือนกัน

และก็รู้สึกภูมิใจเล็ก ๆ ที่มีคนเห็นคุณค่าของมัน

ทั้งที่ มันก็มาจากเศษผ้า เศษด้าย เศษหอย เศษกระดุมที่เราเก็บ ๆ ไว้นานแล้ว

ก็วางขายตอนหน้าเทศกาลวันหยุดเข้าพรรษา ก็มีคนพาไปเลี้ยงดู ให้เฝ้ากุญแจไป 5 ตัวแล้ว

คิดว่า มันคงดูแลกุญแจเจ้าเของอย่างดีค่ะ เพราะนังจุ๊บ มันขี้หวงของเป็นที่สุด

เวลาเราทำงานที่เรารัก มันจะดูง่ายๆ ไปหมด เพราะเรารักเราจึงเห็นลายละเอียดของงาน
อยากจะทำให้มันน่ารักสุด ๆ เราก็เลยไม่รู้สึกทรมานที่จะต้องมานั่งเย็บมัน หรือมาถ่ายรูปตุ๊กตาตั้งหลายตัว
การถ่ายรูปมันเป็นสิ่งที่เราจับเป็นประจำ แทบจะเหมือนช้อนซ่อม จับมาก็รู้ว่า ถ่ายยังไงสวย ไม่เด๋อ ๆ
ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ
อยากให้ทุกท่านเจอสิ่งที่ตัวเองรัก เวลาทำไม่ได้คิดว่า จะร่ำรวยหรือจะได้เงินมากมาย
แค่มีความสุขในการทำงาน เหมือนให้เวลามันผ่านไปอย่างแฮปปี้ ไม่มีทุกข์ก็บุญแว้วนิ
แค่มีเด็ก เดินเข้ามาแล้วอ้อนคุณแม่ว่า อยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ ก็ดีใจจะแย่แล้วค่ะ

มาชมโฉมหน้าของนังจุ๊บกันดีกั่ว

ด้านหน้า
gummydoll
ด้านหลัง
gummydoll
ตัวต่อไป นี่เป็นด้านหน้าค่ะ
Photobucket
ด้านหลัง จริง ๆ ใช้ได้ทั้งสองหน้า แล้วแต่ชอบ
Photobucket

ด้านหน้า
Photobucket
ด้านหลัง
Photobucket


cool link

iicon
พฤษภาคม 2024
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031