กรุสำหรับ มิถุนายน, 2007

36:) จงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของหัวใจตัวเอง

มนุษย์คือสัตว์สังคม คือเผ่าพันธุ์แห่งการเอาเยี่ยงอย่าง และ ลอกเลียนแบบ

มนุษย์มักรู้สึกกลัวที่ไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่น

ทว่ามีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะความกลัวภายในตนเอง

กล้าที่จะหลุดพ้นออกไปจากกรอบอันเท็จเทียมของสังคม

และพบกฎเบื้องสูงภายในตัวเอง

จนสามารถฟังเสียงแห่งมโนธรรมเบื้องสูงนั้น

มีเพียงจิตใจอันสูงส่งบางดวงเท่านั้นที่สามารถ

และคนเช่นนี้เอง ย่อมกลายเป็นคนแปลกหน้าของเพื่อนมนุษย์

เป็นแกะดำในสังคมแกะขาว

จงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของหัวใจตัวเอง

ลอกมาจาก วอลเดน โดย เฮนรี่ เดวิด ธอโร เขียน

35:) my home

เราจะมีกฏ เพื่อว่าเราจะได้มีวินัย

เพราะเราอิสระกันเหลือเกิน จนเหมือนจะเสียคน สกปรก เอาแต่ใจ เสียคน ไม่เป็นเวล่ำ เวลา มันจึงต้องมีกฏกันบ้าง เพื่อ ดึงสติ

กฏอันแรกคือ

วันจันทร์ และ อังคาร เราจะทำความสะอาดบ้าน

เมื่อเราใช้เวลา วันพุธ พฤหัสบดี วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ กันอย่างเมามัน
เช้าวันจันทร์ เราก็จะเริ่ม มีสติ วันนี้วันจันทร์ เราก็จะรู้สึกตัว มีภาระหน้าที่ต้องทำความสะอาดบ้าน

วันจันทร์ มีสติ ทำความสะอาดบ้าน ทำแล้ว เราจะไ้ด้อยู่อาศัยอย่างสบาย

วันอังคาร มีสติ จัดบ้าน ทำแล้ว เราจะไ้ด้อยู่อาศัยอย่างเจริญ

ทำนิดหน่อยก็ได้ แต่ขอให้ทำ

วันนี้ทำความสะอาดห้องนอนใต้หลังคา

หลังจากที่กินกาแฟกับดูข่าวเช้า และ ดู หนังฝรั่ง เรื่อง the star ของ นาตาลี วู้ด จนจบก็ 11 โมง จึงได้เวลาทำความสะอาด

ปีนขึ้นบนห้องใต้หลังคา ก็ต้องเปิดหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้เห็นทิวเขาสูงยาว และมีเมฆปกคลุมล่องลอยละล่องตามสายลม มันดูแล้วสบายใจ

รู้สึกเหมือนเราเดินมาถูกทาง

ถ้าวันนี้เราเลือกเดินอีกทาง เราอาจเปิดมีเดียเฮ้าส์ เป็นมีเดียแพนเนอร์ หรือไม่ก็ไปทำหนัง

เปิดบริษัืทเอง มีลูกน้อง มองออกไปนอกหน้าต่างของตึกสูง 20 ชั้น มองเห็นยอดตึกข้าง ๆ เรียงแถว

เห็นถนนลึกยาว

รถยนต์ต่อแถวเหมือนของเล่น

อากาศข้างนอกกับข้างในแตกต่างกันยับ

เราว่าเราที่ตรงนี้จะมีความสุขกว่ามาก ถึงแม้ขณะนี้ เราจะแต่งตัวเสื้อยืดมอม ๆ กางเกงขาสั้น ถือไม้กวาด กวาดหยากไย่ ปัดฝุ่น ซักฝ้าปูที่นอน แต่ระหว่างที่ปัดกวาด เหงื่อแตก เราก็สามารถมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นภาพทิวเขาเบื้องหน้า แล้วมันรู้สึกหายเหนื่อย สภาพตอนนี้ถ้าจะเทียบ ว่าเราอยู่ในเมือง เราจะได้ทำงานในเอเจนซี่ มีแต่คนแต่งตัวดูดี เท่ เย็นสบายในห้องแอร์ทุกห้อง เหงื่อไม่มีหยดสักแมะ

แต่เราชอบอยู่กลางทุ่งนาแบบนี้มากกว่า

34:) ภาพวาดรูปตัวเอง

ที่เราวาดให้ผู้หญิงในรูปดูมอมแมม เพราะปีแรก เราจะดูสกปรกนี้หน่อย

เพราะปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่ค่อยส่องกระจก กินเต็มที่จนหน้าขยายใหญ่ อ้วน

แต่งตัวสบาย ๆ เกือบจะเหมือนชาวเขาจริง ๆ เพราะผมก็ไม่ค่อยหวี จะพันกันเป็นก้อน ๆ

ชอบรูปนี้ตรงสีสัน และเส้นมันฟรี ๆ ดี

33:) ภาพวาดบ้านเช่าหลังแรก

ภาพวาดรูปนี้ เป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์ซะแล้ว

ประวัติศาสตร์ของเราเอง ไม่ต้องท่องจำนะจั๊ม ลืม ลืมมันซะ

เป็นภาพที่เราหัดวาดด้วยสีน้ำมันรูปแรก

เป็นบ้านเช่าที่เราย้ายจากรุงเทพเข้ามาอยู่หลังแรก

เป็นบ้านทรงไทยใหญ่ มีใต้ถุนบ้านมีจักรยานจอด 2 ัน

มีเปลนอนสำหรับอ่านหนังสือ 2 เปล

หลังบ้านเป็นสวนมีต้นมะม่วง มะพร้าว หน่อยหน่า ทับทิม และห้องน้ำอีกหนึ่งห้อง

บันได้หน้าบ้านนำขึ้นไปสู่ระเบียงนั่งเล่นหน้าบ้าน เย็นสบายดีตลอดปี เพราะมีร่มไม้ของต้นมะหลอดและมะม่วง

ข้าง ๆ บ้านยังมีลำไยอีกต้น อุดมสมบูรณ์ ร่มเย็นมาก

บ้านทรงไทยใหญ่แบบเก่า ๆ จะมีทางเดินตรงกลางบ้าน

ก็จะเห็นว่า ต่างคนต่างทำงานคนละฟาก มีห้องนอนมีน้องครัว มีระเบียงหลังบ้าน

น่าอยู่มาก ๆ

ปีแรกที่ไปอยู่ไม่ค่อยได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว

ที่จริงจังหน่อย ทำเป็นประจำทุกวันคือ

อ่านหนังสือ หัดวาดรูป เดินเล่น ขี่จักรยานเล่นไปทั่วเมืองปาย ทำกับข้าวกินเอง นอนเร็ว ละครหลังข่าวช่อง 7 จบ ก็หลับแล้ว สมัยก่อนไม่มีเคเบิ้ล รับได้แต่ช่อง 7 ก็หรูแล้ว

เราชอบถามเพื่อนที่มาเยี่ยมพวกเรา เพื่อนที่มาจากรุงเทพน่ะ ว่า

“เป็นไงวะ เค้าปฏิวัติการปกครองกันเรียบร้อยหรือยัง”

คือข่าวเราจะล้าสมัยตลอด อยู่บ้านก็เก่าโบราณ ทีวีรับได้ช่องเดียว นอนกางมุ้ง

ทำกับข้าวกินกันเอง หุงข้าวดอย

จำได้ว่า เราชอบเดิน เดินมันคนเดียวนี่แหละ บางครั้งก็จักรยาน ต่างคนต่างมีกิจกรรมที่ชอบ ใครชอบทำอะไรก็ไปทำ เหมือนฝึกวิทยาวุธ ฝึกการอยู่คนเดียวในสังคม มันมีซอย มีทางเดินอะไร เราก็เดินไป จู่ ๆ มันก็จะไปโผล่อีกที่หนึ่ง ซึ่งทำให้เรารู้สึกงงกับ landscape ของปายมาก

ตอนกินข้าวเย็นก็จะพูดคุยกันว่า ต่างคนต่างเจออะไรขำ ๆ มากันบ้าง

เวลาเดินเราจะพกย่ามไปด้่วย เราชอบเก็บผัก มันมีความสุขมากเหมือนเจอขุมทรัพย์ ของฟรีน่ะแหละ แต่มันเป็นขุมทรัพย์ของเรา เจอผักตำลึง ผักบุ้ง มะละกอ มะเขือพวงก็เก็บ เอามาผัดใส่พริกตบบ้าง บางทีก็ทำแกงส้ม ทำบ่อยมาก เพราะมะละกอมีเยอะมากในปาย

แต่ก็ไม่เบื่อเลย กับข้างที่ทำเอง เดินมาเหนื่อย ๆ ได้กินข้าวร้อน ๆ กับเพื่อน อ้วนเลยเรา

ถ้าใครมาเห็นเราตอนนั้นรับรองจำไม่ได้ มีความสุข แต่อ้วนตุ้ย

ใครอยากดูรูปวาดเพิ่มก็กดที่รูป หรือกดตรงนี้ก็ได้จ๊ะ

Technorati Tags: , ,

32:) ทำไมต้องเป็นปาย

มีคนชอบถามกันเยอะว่า ทำไมเราถึงต้องมาปาย

คำตอบคือ…..

บอกก่อนว่า เราไม่คิดว่า ในชีวิตนี้ต้องมาอยู่ปายเท่านั้นคือสุดยอด ใครไม่มาปายไม่เท่

เราเชื่อว่าอยู่ที่ไหนก็ได้ ในมุมใดมุมหนึ่งของโลก ที่ตรงกับความสุขของตัวเอง เราชอบที่คน ๆ หนึ่งที่เข้าใจตัวเอง ไม่หม่น ไม่หลง ไม่มีความสุขโอเวอร์ ไม่สับสน แต่มีความสนุกในกิจกรรมที่ตัวเองชอบแบบไม่โง่ ฉลาดคิด และล้ำ ยิ่งมีความสุขแบบง่าย ๆ แล้วอยู่ได้แบบสบาย ๆ จิตใจปลอดโปร่ง เห็นแล้วจะอิจฉา

ในตอนนั้น ตอนที่เราอายุ 28 เราคิดแค่ว่า เรากำลังไม่มีความสุขกับชีวิตแบบคนเมือง เราอยากใช้ชีวิตแบบที่คนเรียกร้องอยู่ในใจว่า อยากสบาย อยากอิสระ อยากทำสิ่งที่อยาก

และเราก็ไม่ห่วงว่าเราจะอดตาย เพราะเราคิดว่า เราจบปริญญาตี ความรู้เยอะแยะ

แล้วเรายังทำก๋วยเตี๋ยวได้ ขายอาหารได้ คนเรามันต้องกินข้าวกันบ้างน่ะ

แต่แล้ว ผ่านมา 11 ปี เราก็ไม่ได้ขายก๋วยเตี๋ยวสักที เลยไม่ได้โชว์ฝืมือ

ที่มาอยู่ปายได้นี่ เป็นเรื่องของความบังเอิญ เป็นชะตากรรมมั้ง

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กำลังคิดเรื่องว่า จะลาออกจากงานมาเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ขายแซนด์วิช อาหารเช้า บวก ร้านหนังสือ ยังเคยคิดจะตั้งชื่อร้านว่า ร้านกาแฟแต่ขายหนังสือ

แต่คิดเรื่องงบประมาณแล้วสูงมาก จะขายหนังสือต้องมีเงินเป็นแสน แล้วยังเสี่ยงต่อการอ่านหนังสือน้อยของคนไทยอีก กำลังคิดว่า จะลงมือทำหรือไม่นั่นเอง

จังหวะนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังมาที่อพาร์ทเม้นท์

เขาคือ โจเล็ก เขากำลังโทรมาลาว่า จะไปอยู่ปาย จะไปเปิดร้านกาแฟที่ปาย

เราก็เลยนัดเจอกันที่ถนนข้าวสาร ก็สรุปกันว่า แทนที่จะเลี้ยงส่งโจเล็ก เฮียกนกะเราก็เลยตัดสินใจกันว่า จะลองไปอยู่ด้วย เพราะกำลังคิดว่า จะเปิดร้านกาแฟพอดี

เรื่องจึงเป็นเช่นนี้

ณ เวลานี้ ปาย เป็นบ้านเกิด บ้านนอน ของเราไปแล้ว ไม่รู้สึกเลยว่า จะต้องกลับกรุงเทพอีก ตั้งแต่อยู่ปายมาก็กลับกรุงเทพฯ จริง ๆ แค่ 3-4 ครั้ง

Technorati Tags: , ,


cool link

iicon
มิถุนายน 2007
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930